สงกรานต์ปีนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับ สสส.วอน อย่าหยุดยาว...
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับเปิดเผยว่า
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้เป็นเทศกาลที่มีวันหยุดยาวติดต่อกันมากที่สุด คือ วันที่
13-18 เมษายน 2553 รวม 6 วัน แต่จากการคาดการณ์ของมูลนิธิเมาไม่ขับและสสส. เชื่อว่าประชาชนจะเริ่มหยุดและมีการเดินทางกันตั้งแต่วันศุกร์ที่ 9 เมษายน 2553 เป็นต้นไป แม้ว่าวันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2553 รัฐบาลไม่ได้ประกาศให้เป็นวันหยุดราชการ แต่เชื่อว่าประชาชนจะหยุดกันเองเพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง จึงทำให้วันหยุดในเทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะยาวนานถึง 10 วัน ถือว่าเป็นช่วงวันหยุดที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์
สิ่งที่มูลนิธิเมาไม่ขับเป็นห่วง ก็คือ สถิติอุบัติเหตุอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับ เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่องถึง 6 วัน ประกอบกับมีการ
เฉลิมฉลองสงกรานต์ด้วยการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขับขี่รถจักรยานยนต์เล่นน้ำควบคู่
ไปด้วย โดยสถิติอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2552 พบว่า มีผู้ที่มีวันหยุดพักผ่อนยาวแบบถาวรหรือผู้เสียชีวิต 373 คน มีผู้ที่หยุดยาวกว่าคนอื่นๆ หรือผู้บาดเจ็บ 4,332 คน ร้อยละ 81.90 เป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ สาเหตุหลักได้แก่เมาแล้วขับ ร้อยละ 40.66 ขับรถเร็ว ร้อยละ 19.69 ขับรถตัดหน้ากระชั้นชิดร้อยละ 10.96 ทั้งนี้ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บส่วนใหญ่อายุต่ำกว่า 25 ปี ร้อยละ 43 โดยแยกเป็นกลุ่มอายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 29.22 และอายุระหว่าง 20-25 ปี ร้อยละ 13.90 จะเห็นได้ว่ากลุ่มผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเทศกาลสงกรานต์เมื่อปี 2552 จัดเป็นกลุ่มวัยรุ่นมากที่สุด
สงกรานต์ปีนี้หลายคนคงดีใจที่จะได้หยุดยาว เพื่อจะได้มีโอกาสไปทำบุญใส่บาตร
รดน้ำขอพรผู้ใหญ่ ท่องเที่ยวอย่างมีความสุขและสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมที่ดี แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ว่าจะมีอีกหลายคนที่อาจจะมีวันหยุดยาวมากกว่าคนอื่นหรือมีวันหยุดที่ยาวแบบถาวร สาเหตุเพราะการเมาแล้วขับ มูลนิธิเมาไม่ขับและสสส.ไม่อยากให้มีใครต้องหยุดยาวตลอดไป จึงขอวอนว่า ถ้าไม่อยากหยุดยาววว...ต้องเมาไม่ขับ
หมายเหตุ
วันหยุดที่มีช่วงต่อเนื่องมากที่สุดในประเทศไทยได้แก่วันสงกรานต์ กล่าวคือจะมีวันหยุดติดต่อกัน 3 วันได้แก่ วันที่ 13 , 14 , 15 เมษายน ซึ่งถ้าในปีไหนตรงกับวันเสาร์ , อาทิตย์ก็จะมีการชดเชยวันหยุดติดต่อไปอีก 2 วัน รวมสูงสูดไม่เกิน 5 วัน แต่ในวันหยุดสงกรานต์ปีนี้วันที่ 13 ตรงกับวันอังคาร วันที่ 14 ตรงกับวันพุธ และวันที่ 15 ตรงกับวันพฤหัส ซึ่งจะคั่นวันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2553 ไปอีกหนึ่งวัน ดังนั้นรัฐบาลจึงประกาศให้วันศุกร์ที่ 16 เมษายน 2553 เป็นวันหยุดราชการ จึงทำให้เทศกาลสงกรานต์ปีนี้จะมีวันหยุดติดต่อกันยาวถึง 6 วัน 13-18 เมษายน 2553 ถือเป็นการหยุดยาวต่อเนื่องนานที่สุดในประวัติศาสตร์
สถิติข้อมูลอุบัติเหตุเทศกาลสงกรานต์ปี 2552
ช่วง 7 วันอันตราย 10 -16 เมษายน 2552
สาเหตุหลัก 3 อันดับแรก 1. เมาสุรา ร้อยละ 40.66 2. ขับรถเร็ว ร้อยละ 19.96 3. ขับตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 10.96 |
ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุ 3 อันดับแรก 1. รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.90 2. รถปิกอัพ ร้อยละ 9.32 3. รถเก๋ง รถแท็กซี่ ร้อยละ 2.96 |
ถนนที่เกิดอุบัติเหตุ บนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 31.41 นอกเขตทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 68.59 |
บริเวณจุดที่เกิดอุบัติเหตุ ทางตรง ร้อยละ 61.10 ทางโค้ง ร้อยละ 17.10 ทางแยก ร้อยละ 10.64 |
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ กลางคืน ร้อยละ 61.35 กลางวัน ร้อยละ 38.65 เวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 16.00-20.00 น. ร้อยละ 31.61 เวลาที่เกิดอุบัติเหตุน้อยสุด ได้แก่ เวลา 04.00 – 08.00 น. ร้อยละ 5.50 |
อายุของผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 29.22 20 - 24 ปี ร้อยละ 13.90 25 - 29 ปี ร้อยละ 12.28 30 - 39 ปี ร้อยละ 16.77 40 - 49 ปี ร้อยละ 12.95 50 ปี ขึ้นไป ร้อยละ 14.88 |
10 จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด 1. เชียงใหม่ 14 คน 2. กรุงเทพฯ 13 คน 3. ลพบุรี 13 คน 4. ร้อยเอ็ด 13 คน 5. บุรีรัมย์ 12 คน 6. พิษณุโลก 12 คน 7. นครศรีธรรมราช 12 คน 8. สุพรรณบุรี 11 คน 9. เชียงราย 10 คน 10.นครสวรรค์ 9 คน |
8 จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต 1. ระนอง 2. ตราด 3. ฉะเชิงเทรา 4. ยโสธร 5. อำนาจเจริญ 6. สกลนคร 7. น่าน 8. ยะลา |
10 จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด 1. เชียงราย 164 คน 2.นครศรีธรรมราช 158 คน 3. เพชรบูรณ์ 148 คน 4. เชียงใหม่ 135 คน 5. พิษณุโลก 133 คน 6. สุพรรณบุรี 119 คน 7. นครราชสีมา 110 คน 8. บุรีรัมย์ 106 คน 9. อุดรธานี 103 คน 10. ชลบุรี 97 คน |
10 จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บน้อยสุด 1. ยโสธร 1 คน 2. อำนาจเจริญ 1 คน 3. สกลนคร 8 คน 4. สมุทรปราการ 10 คน 5. ปทุมธานี 11 คน 6. สมุทรสงคราม 13 คน 7. สิงห์บุรี 13 คน 8. ฉะเชิงเทรา 14 คน 9. ยะลา 16 คน 10. สระบุรี 18 คน |
รวม ผู้เสียชีวิต 373 คน
บาดเจ็บ 4,332 คน