“ห่วงหัวก็อตทาเล้นท์”
ตามล่าหาไอเดียเด็ด หยุดสมองไหล
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
ในแต่ละวันมีจำนวนผู้ใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศกว่าครึ่งหนึ่งที่หัวกำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤติเสี่ยงสมองไหล เหตุเพราะขาดการป้องกันที่ดี ทั้งนี้ จากผลการสำรวจของมูลนิธิไทยโรดส์ ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ในปี พ.ศ. 2553 พบว่า ภาพรวมของผู้ใช้รถจักรยานยนต์มีอัตราการสวมหมวกกันน็อกอยู่ในเกณฑ์ต่ำ คิดเป็น 44% โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้ซ้อนท้ายมีอัตราการสวมหมวกกันน็อกต่ำมาก เพียง 19% เท่านั้น และจากข้อมูลระบบเฝ้าระวังการบาดเจ็บ ของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า 90% ของผู้บาดเจ็บสาหัสและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ มีสาเหตุจากการบาดเจ็บที่ศีรษะอันเป็นผลจากการไม่สวมหมวกกันน็อก
แม้ในปี 2554 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้ประกาศเป็นปีรณรงค์สวมหมวกนิรภัย 100% และมอบนโยบายให้หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันรณรงค์ แต่จากข้อมูลการสำรวจอัตราการสวมหมวกกันน็อกในภาพรวมปี 2554 โดยมูลนิธิไทยโรดส์ฯ พบว่า มีอัตราการสวมหมวกฯ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพียง 2% เท่านั้นเอง ดังนั้น หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคนไทยที่ใช้รถจักรยานยนต์และไม่สวมหมวกกันน็อกที่ประมาณการเป็นตัวเลขคาดว่าน่าจะมีมากกว่า 10 ล้านคน ก็ต้องเสี่ยงหัวถูกน็อกสมองไหล ซึ่งอาจตายหรือไม่ก็พิการถาวรได้
นายแพทย์แท้จริง เปิดเผยต่อว่า
ชมรมคนห่วงหัว มีความห่วงใยต่อปัญหาสมองไหลจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ของคนไทย และอยากให้คนไทยเห็นความสำคัญของการสวมหมวกกันน็อกว่าเป็นอุปกรณ์ที่สามารถช่วยป้องกันอันตราย ลดความรุนแรงของการบาดเจ็บ ลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ โดยต้องไม่คิดว่าการตายจากอุบัติเหตุเป็นเรื่องของโชคชะตา ดังนั้น ชมรมคนห่วงหัวจึงได้จัดทำโครงการ “ห่วงหัวก็อตทาเล้นท์” ขึ้น เพื่อตามล่าหาไอเดียเด็ด ระดมความคิดเพื่อนำมาใช้ในการรณรงค์ส่งเสริมให้ผู้ที่ใช้รถจักรยานยนต์หันมาสนใจสวมใส่หมวกกันน็อกกันมากขึ้น โดยเชื่อว่าไม่เกินความสามารถของคนไทยที่จะสร้างสรรค์หาวิธีที่จะหยุดสมองไหลช่วยชีวิตคนไทยไม่ให้ตายก่อนวัยอันควรได้
ผู้ที่มีไอเดียในการสร้างสรรค์วิธีการรณรงค์ที่สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ขอให้จัดทำหรือแสดงไอเดียในรูปแบบคลิปวิดีโอ ความยาวไม่เกิน 3 นาที จัดส่งถึงชมรมคนห่วงหัวผ่านทางช่องทางต่าง ๆ ได้แก่ ทางเว็บไซต์ ทางไปรษณีย์ หรือจัดส่งด้วยตนเองได้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 โดยชมรมคนห่วงหัวจะมีรางวัลสูงสุด 200,000 บาท สำหรับผลงานที่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นสุดยอดไอเดียเด็ด รางวัล 100,000 บาท จำนวน 3 รางวัล สำหรับไอเดียเด็ด และรางวัล 50,000 บาท จำนวน 5 รางวัลสำหรับไอเดียดี ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ddd.or.th หรือสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-254-0044 02-254-5959
หมวกกันน็อกมีอิทธิฤทธิ์ ลิขิตชีวิตท่านได้ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นายแพทย์แท้จริงกล่าวในที่สุด
ดาวน์โหลดข่าว ได้ที่ www.ddd.or.th ข่าวประชาสัมพันธ์ “ ข่าวคนห่วงหัว หยุดสมองไหล ”
เปรียบเทียบข้อมูลปี 2553 และปี 2554 ซึ่งเป็นปีประกาศสวมหมวกนิรภัย 100 %
จุดที่น่าสังเกตหลายจังหวัดมีอัตราสวมหมวกลดลง อาทิเช่น
เป็นที่น่าสังเกต 14 จังหวัด ภาคใต้มีอัตราการสวมหมวกขึ้นทุกจังหวัด (14 จังหวัดภาคใต้)
โดยเฉพาะใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม แต่อัตราการสวมหมวกก็เพิ่มขึ้น เช่น
ปัตตานี ปี 53 18 % ปี 54 25 %
นราธิวาส ปี 53 15 % ปี 54 19 %
ยะลา ปี 53 26 % ปี 54 26 %
ข้อมูลผลสำรวจการสวมหมวกกันน็อกของประเทศไทย ปี 2553
สถิติผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศ มีอัตราร้อยละ 43.7
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. กรุงเทพฯ 81.8 %
2. ภูเก็ต 71.3 %
3. เลย 68.2 %
4. นนทบุรี 61.6 %
5. ปทุมธานี 56.3 %
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกต่ำสุดได้แก่
1. นราธิวาส 15.3%
2. ปัตตานี 18.5%
3. พังงา 22.5%
4. อ่างทอง 22.8 %
5. เพชรบุรี 23.5 %
สถิติผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 53.3
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. กรุงเทพมหานคร 93.2 %
2. สมุทรปราการ 79.9 %
3. ภูเก็ต 79.7 %
4. หนองบัวลำภู 74.1 %
5. เลย 73.6 %
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกต่ำสุดได้แก่
1. นราธิวาส 21.5 %
2. ปัตตานี 26.1 %
3. เพชรบุรี 28.6 %
4. อ่างทอง 29.8 %
5. หนองคาย 29.8 %
สถิติผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 19.4
5 จังหวัดที่ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. เลย 56.6 %
2. ภูเก็ต 50.6 %
3. กรุงเทพฯ 45.2 %
4. หนองบัวลำภู 36.7 %
5. พิษณุโลก 31.0 %
5 จังหวัดที่ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกต่ำสุด ได้แก่
1. ระนอง 1.8 %
2. พังงา 2.1 %
3. สตูล 2.3 %
4. ปัตตานี 2.4 %
5. นราธิวาส 2.5 %
สถิตินักเรียนที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์พ่อแม่ ผู้ปกครองในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหมวกกันน็อก 7%
สถิติผู้โดยสารรถจักรยานยนต์รับจ้างในพื้นที่กรุงเทพมหานครสวมหมวกกันน็อก 8%
ข้อมูลผลสำรวจการสวมหมวกกันน็อกของประเทศไทย ปี 2554
สถิติผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศ มีอัตราร้อยละ 46
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. กรุงเทพฯ 82%
2. ภูเก็ต 71%
3. นนทบุรี 64%
4. สมุทรปราการ 62 %
5. สิงห์บุรี 57 %
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายสวมหมวกกันน็อกต่ำสุดได้แก่
1. นราธิวาส 19 %
2. สระแก้ว 23%
3. ชัยภูมิ 24 %
4. ปัตตานี 25 %
5. ปราจีนบุรี 26 %
สถิติผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 54
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. กรุงเทพฯ 92 %
2. ภูเก็ต 76 %
3. นนทบุรี 72 %
4. สระบุรี 65 %
5. พิษณุโลก 64 %
5 จังหวัดที่มีอัตราผู้ขับขี่สวมหมวกกันน็อกต่ำสุดได้แก่
1. นราธิวาส 26 %
2. ยโสธร 27 %
3. สระแก้ว 29 %
4. ชัยภูมิ 30 %
5. เลย 31 %
สถิติผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศมีอัตราอยู่ที่ร้อยละ 24
5 จังหวัดที่ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกสูงสุด ได้แก่
1. ภูเก็ต 57 %
2.นนทบุรี 53 %
3. กรุงเทพฯ 45 %
4. พิษณุโลก 42 %
5. สิงห์บุรี 32 %
5 จังหวัดที่ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกต่ำสุด ได้แก่
1. ยะลา 3 %
2. ประจวบคีรีขันธ์ 6%
3. สระแก้ว 7 %
4. ฉะเชิงเทรา 9 %
5. แม่ฮ่องสอน 10 %