ข่าวรักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก

29 สิงหาคม 55 / อ่าน : 2,739

รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก 

สุรสิทธิ์ ศิลปงาม

ผู้จัดการชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ

 

            สุภาษิตไทยที่ว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงการศึกษาของไทย โดยเฉพาะการที่มีผู้เสนอให้เปลี่ยนสุภาษิตดังกล่าวมาเป็น รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด หลังจากมีการเปิดประเด็นนี้ขึ้นในสังคม มีทั้งผู้เห็นด้วย ผู้ไม่เห็นด้วย คนในยุคย้อนหลังไป 4-5 ทศวรรษที่แล้ว ซึ่งผ่านระบบทำผิดต้องถูกครูตี พ่อแม่ตี ไม่เห็นด้วยเพราะส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าถ้าเด็กกระทำความผิด ควรได้รับการลงโทษจะได้หลาบจำ ขณะที่คนรุ่นใหม่ เห็นว่าการตีจะสร้างความกดดัน ความก้าวร้าว ความรุนแรงให้กับเด็ก ความคิดของคนทั้ง 2 กลุ่ม ใครผิด ใครถูก คงตอบไม่ได้

          แต่ปัจจุบันเด็กไทยกำลังประสบก็คือการขาดเหตุผล เห็นแก่ตัว อารมณ์รุนแรง อยากสวย อยากรวย ไม่อดทน มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เล่าให้ฟังว่า เคยถามนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่สอนอยู่ว่า ถ้าวันนี้ทางสภามหาวิทยาลัย อนุมัติให้พวกเธอสำเร็จเป็นบัณฑิตโดยไม่ต้องเรียนอีก 2 ปี พวกเธอจะยอมรับได้หรือไม่ คำตอบของนักศึกษาในชั้นเรียนเกือบ 100 % ยอมรับและเห็นว่าเป็นสิ่งดีที่จะได้เรียนจบไว ๆ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลาเรียน ไปอีกตั้ง 2 ปี

          ขณะเดียวกัน อาจารย์คนดังกล่าวมีโอกาสไปสอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยในประเทศเวียดนาม และได้ถามคำถามเดียวกันกับนักศึกษาเวียดนาม คำตอบของนักศึกษาเวียดนาม ทั้ง 100 % คือไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเชื่อว่าเวลา 2 ปีที่หายไปจะทำให้พื้นฐานทางด้านการเรียนไม่แน่นพอที่จะไปทำงานได้

          ตัวอย่างข้างต้นเป็นมุมสะท้อนปัญหาหนึ่งของเยาวชนไทย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีปัญหาอีกมากมาย ไม่ต้องดูอื่นไกล เฉพาะแค่เรื่องการสวมหมวกกันน็อกเมื่อต้องขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีคนไทยสวมหมวกกันน็อกทั้งประเทศ ร้อยละ 46 ขณะที่ประเทศเวียดนามสวมหมวกกันน็อก ร้อยละ 98 ในกลุ่มเด็กและเยาวชน มีการสวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศ ร้อยละ 5 ขณะที่เด็กเวียดนามสวมร้อยละ 99.7

          สังคมไทยเรากำลังมีปัญหามากมาย ไหน ๆ ก็มีผู้เสนอให้เปลี่ยนสุภาษิตจากรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี มาเป็นรักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด ชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับก็ขอเสนอเปลี่ยนบ้าง จากรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี มาเป็นรักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก เพราะถ้าถึงแม้ว่าท่านจะเลี้ยงลูกให้เก่ง ให้ฉลาดซักเพียงใด แต่ถ้าท่านไม่ปกป้องเขา ขับขี่รถจักรยานยนต์ตัวท่านมีหมวกกันน็อกสวมใส่ เพราะกลัวตำรวจจับ แต่ลูกท่านไม่มีหมวกกันน็อกสวมใส่ เพราะท่านคิดว่าตำรวจไม่จับเด็ก แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ คนที่บาดเจ็บ ตาย พิการ ก่อนคือลูกหลานของท่านเอง จึงขอวิงวอนท่านผู้ปกครอง ทั้งหลาย รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเองเถอะครับ


ความคืบหน้าคดีดัง



QR Code DDD Line
ddd025750101