รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก
สุรสิทธิ์ ศิลปงาม
ผู้จัดการชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ
สุภาษิตไทยที่ว่ารักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี กำลังเป็นที่ถกเถียงกันในแวดวงการศึกษาของไทย โดยเฉพาะการที่มีผู้เสนอให้เปลี่ยนสุภาษิตดังกล่าวมาเป็น รักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด หลังจากมีการเปิดประเด็นนี้ขึ้นในสังคม มีทั้งผู้เห็นด้วย ผู้ไม่เห็นด้วย คนในยุคย้อนหลังไป 4-5 ทศวรรษที่แล้ว ซึ่งผ่านระบบทำผิดต้องถูกครูตี พ่อแม่ตี ไม่เห็นด้วยเพราะส่วนใหญ่ยังเชื่อว่าถ้าเด็กกระทำความผิด ควรได้รับการลงโทษจะได้หลาบจำ ขณะที่คนรุ่นใหม่ เห็นว่าการตีจะสร้างความกดดัน ความก้าวร้าว ความรุนแรงให้กับเด็ก ความคิดของคนทั้ง 2 กลุ่ม ใครผิด ใครถูก คงตอบไม่ได้
แต่ปัจจุบันเด็กไทยกำลังประสบก็คือการขาดเหตุผล เห็นแก่ตัว อารมณ์รุนแรง อยากสวย อยากรวย ไม่อดทน มีอาจารย์ท่านหนึ่งสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย เล่าให้ฟังว่า เคยถามนักศึกษาชั้นปีที่ 2 ที่สอนอยู่ว่า ถ้าวันนี้ทางสภามหาวิทยาลัย อนุมัติให้พวกเธอสำเร็จเป็นบัณฑิตโดยไม่ต้องเรียนอีก 2 ปี พวกเธอจะยอมรับได้หรือไม่ คำตอบของนักศึกษาในชั้นเรียนเกือบ 100 % ยอมรับและเห็นว่าเป็นสิ่งดีที่จะได้เรียนจบไว ๆ ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องเสียเวลาเรียน ไปอีกตั้ง 2 ปี
ขณะเดียวกัน อาจารย์คนดังกล่าวมีโอกาสไปสอนนักศึกษาในมหาวิทยาลัยในประเทศเวียดนาม และได้ถามคำถามเดียวกันกับนักศึกษาเวียดนาม คำตอบของนักศึกษาเวียดนาม ทั้ง 100 % คือไม่สามารถยอมรับได้ เพราะเชื่อว่าเวลา 2 ปีที่หายไปจะทำให้พื้นฐานทางด้านการเรียนไม่แน่นพอที่จะไปทำงานได้
ตัวอย่างข้างต้นเป็นมุมสะท้อนปัญหาหนึ่งของเยาวชนไทย ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีปัญหาอีกมากมาย ไม่ต้องดูอื่นไกล เฉพาะแค่เรื่องการสวมหมวกกันน็อกเมื่อต้องขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ มีคนไทยสวมหมวกกันน็อกทั้งประเทศ ร้อยละ 46 ขณะที่ประเทศเวียดนามสวมหมวกกันน็อก ร้อยละ 98 ในกลุ่มเด็กและเยาวชน มีการสวมหมวกกันน็อกทั่วประเทศ ร้อยละ 5 ขณะที่เด็กเวียดนามสวมร้อยละ 99.7
สังคมไทยเรากำลังมีปัญหามากมาย ไหน ๆ ก็มีผู้เสนอให้เปลี่ยนสุภาษิตจากรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี มาเป็นรักวัวให้ผูก รักลูกให้กอด ชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับก็ขอเสนอเปลี่ยนบ้าง จากรักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี มาเป็นรักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก เพราะถ้าถึงแม้ว่าท่านจะเลี้ยงลูกให้เก่ง ให้ฉลาดซักเพียงใด แต่ถ้าท่านไม่ปกป้องเขา ขับขี่รถจักรยานยนต์ตัวท่านมีหมวกกันน็อกสวมใส่ เพราะกลัวตำรวจจับ แต่ลูกท่านไม่มีหมวกกันน็อกสวมใส่ เพราะท่านคิดว่าตำรวจไม่จับเด็ก แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุ คนที่บาดเจ็บ ตาย พิการ ก่อนคือลูกหลานของท่านเอง จึงขอวิงวอนท่านผู้ปกครอง ทั้งหลาย รักวัวให้ผูก รักลูกให้สวมหมวกกันน็อก เพื่อความปลอดภัยของลูกหลานเองเถอะครับ