เมาไม่ขับจับมือเอไอจี-จว.ขอนแก่น-เซ็นทรัล
เปิดตัวโครงการ “30 บาท รักษาทุกหัวลดอุบัติเหตุจราจร”
วันนี้ 31 มีนาคม 2557 ณ ลานชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า จังหวัดขอนแก่น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ได้เป็นประธานเปิดโครงการ 30 บาทรักษาทุกหัว ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้ร่วมกับกลุ่มบริษัทเออีจี ประเทศไทย ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลขอนแก่น สอจร.จังหวัดขอนแก่น และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน จัดขึ้น
นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า
จังหวัดขอนแก่นรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่มูลนิธิเมาไม่ขับ กลุ่มบริษัทเอไอจี ประเทศไทย และศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น ได้เห็นความสำคัญของปัญหาอุบัติเหตุจราจรที่เกิดจากการขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกกันน็อก และได้คัดเลือกให้จังหวัดขอนแก่นเป็นจังหวัดนำร่องโครงการ 30 บาทรักษาทุกหัว
นอกจากจะเป็นการช่วยลดความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์แล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างวินัยจราจรให้กับเด็กเยาวชนเพื่อจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีหัวใจแห่งความปลอดภัยในอนาคต
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
ปัจจุบันคนไทยใช้รถจักรยานยนต์ทั่วประเทศกันกว่า 23 ล้านคัน แต่อัตราผู้ขับขี่และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อกมีไม่ถึงครึ่ง โดยผลการสำรวจอัตราการสวมหมวกกันน็อกล่าสุดทั่วประเทศปี 2555 โดย มูลนิธิไทยโรดส์ และเครือข่ายเฝ้าระวังสถานการณ์ความปลอดภัยทางถนน (Road Safety Watch) ภาพรวมคนไทยที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ สวมหมวกกันน็อกเพียงร้อยละ 43 ที่น่าเป็นห่วงคือกลุ่มวัยรุ่นสวมหมวกเพียงร้อยละ 28 และเด็กเพียงร้อยละ 7 ในขณะที่รายงานของโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้พบว่าในจำนวนผู้บาดเจ็บรุนแรงและผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เกือบร้อยละ 90 เป็นผู้ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก แต่ที่น่าตระหนกยิ่งไปกว่านั้นคือ พบว่ากลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี มีสถิติหัวน็อกพื้นสูงถึงปีละกว่า 5,000 ราย
ทั้งนี้เนื่องจากเด็กเยาวชนเหล่านี้ไม่มีสิ่งป้องกันที่ศีรษะเปรียบเสมือนไม่ได้รับการฉีดวัคซีนหมวกกันน็อกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถจักรยานยนต์
ชมรมคนห่วงหัว จึงขอเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองช่วยกันรณรงค์ฉีดวัคซีนหมวกกันน็อกให้กับบุตรหลาน เหมือนที่ท่านเคยนำบุตรหลานไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอ คอตีบ บาดทะยัก หัดเยอรมัน เมื่อตอนเขาเด็ก ๆ ซึ่งวัคซีนหมวกกันน็อกราคาก็ไม่ได้แพง เพียง 30 บาทท่านก็สามารถป้องกันอุบัติเหตุให้กับลูกหลานท่านได้
เลขาธิการชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยอีกว่า
จากสถานการณ์ปัญหาอุบัติเหตุจราจรจากรถจักรยานยนต์ดังที่กล่าวมา ชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ร่วมมือกับกลุ่มบริษัท เอไอจี ประเทศไทย (AIG) จังหวัดขอนแก่น สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลขอนแก่น ศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สอจร.จังหวัดขอนแก่น ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น จัดโครงการ 30 บาทรักษาทุกหัว ขึ้น โดยเชิญชวนพ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานหรือนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วไม่จัดหาหมวกกันน็อกสวมใส่ให้สมัครเข้าร่วมโครงการ ซึ่งทางมูลนิธิเมาไม่ขับ และ กลุ่มบริษัทเอไอจี ประเทศไทย (AIG) ได้ร่วมกันจัดเตรียมหมวกกันน็อกสำหรับเด็กสีสันสวยงาม จำนวน 2,500 ใบ ซึ่งจะเปิดตัวโครงการในวันที่ 31 มีนาคม2557 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น
พ่อแม่ ผู้ปกครองที่สนใจเข้าร่วมโครงการ 30 บาท รักษาทุกหัว สามารถรับแจกหมวกกันน็อกเด็กฟรีได้ ในวันที่ 31 มีนาคม 2557 เวลา 13.30 น. ณ บริเวณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น โดยขอรับแบบฟอร์มการสมัครเข้าร่วมโครงการ ได้ที่บริเวณงาน พร้อมเงิน 30 บาท เป็นค่ามัดจำหมวกกันน็อก ซึ่งทางชมรมคนห่วงหัวจะคืนให้เมื่อเด็กนี้ได้รับหมวกกันน็อกไปแล้ว โตขึ้นไม่สามารถใส่หมวกกันน็อกได้ แล้วนำมาคืน สนใจดูรายละเอียด ได้ที่ www.ddd.or.th หรือสอบถามได้ที่ ชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ โทรศัพท์ 02-5750044, 02-5750101
มร. โรนัลด์ เอ. ฮิวดอน ประธานกลุ่มบริษัทเอไอจี ประเทศไทย (AIG) เปิดเผยว่า
เอไอจีทั่วโลก มีนโยบายร่วมดูแลสังคมชุมชนที่เอไอจีมีส่วนอยู่ด้วย ภายใต้แนวคิด “Make the world a safer place” หรือ “สร้างสรรค์โลกให้ปลอดภัยกว่าเดิม” โดยเน้นที่กิจกรรมสามด้านคือ ส่งเสริมความปลอดภัย (Safety) ส่งเสริมความมั่นคง (Security) และช่วยเยียวยาเมื่อมีภัย (Disaster Relief) สำหรับในประเทศไทยการสนับสนุนให้เด็กใช้หมวกกันน็อกร่วมกับชมรมคนห่วงหัว นับเป็นกิจกรรมหลักด้านการส่งเสริมความปลอดภัย ทั้งนี้รายงานจากองค์กรอนามัยโลก (WHO) ในปี 2013 ชี้ชัดว่า ประเทศไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนถนนสูงถึง 38.1 คนต่อประชากร 1 แสนคน นับว่าสูงเป็นลำดับต้นๆของโลก เมื่อผนวกกับผลการวิจัยที่พบว่าเด็กไทยที่ไปโรงเรียนโดยรถจักรยานยนต์สวมหมวกกันน็อกเพียง 7 % ยิ่งทำให้เห็นว่าความปลอดภัยของเด็กๆ เป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วน และเราในฐานะผู้ใหญ่ที่เห็นความเป็นไปของสถิติเช่นนี้ต้องร่วมมือกันอย่าปล่อยให้ภัยเงียบนี้ดำเนินต่อไป “จากสถิติในประเทศไทย เราประมาณว่าในแต่ละวัน มีเด็กไทยในระบบการศึกษาเฉพาะระดับประถมทั่วประเทศกว่า 2.1 ล้านคน จากทั้งหมด 6.7 ล้านคน เดินทางไปโรงเรียนโดยรถจักรยานยนต์แต่ไม่สวมหมวกกันน็อก สภาพการณ์เช่นนี้นับว่าเป็นระเบิดเวลาทางสังคมที่ต้องช่วยกันยับยั้งโดยด่วน” “เราต้องไม่ปล่อยให้เด็กๆเหล่านี้เติบโตขึ้นไปเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่ใส่ใจกับการใช้หมวกกันน็อก มิเช่นนั้นการรณณรงค์เช่นไรก็คงยากที่
จะลดอัตราการเสียชีวิตบนท้องถนนของประเทศไทยลงได้” “เอไอจี ขอขอบคุณ มูลนิธิเมาไม่ขับ ชมรมคนห่วงหัว ที่ให้เราได้ร่วมคิดร่วมสนับสนุนโครงการ “ 30 บาทรักษาทุกหัว” นี้และหวังว่าจะมีผู้เห็นความสำคัญท่านอื่นๆ มาร่วมกันสนับสนุนชมรมคนห่วงหัวอย่างต่อเนื่อง เพราะสังคมไทยต้องใช้เงินกว่า 3 พันล้านบาทเพื่อที่จะให้เด็กไทยทั้ง 2.1 ล้านคน ได้มีหมวกกันน็อกสวมใส่ไปโรงเรียนทุกวันครบทุกคน
ทางด้านนายอมร อมรกุล ผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่า ขอนแก่น กล่าวว่า
โครงการ 30 บาทรักษาทุกหัว เป็นโครงการที่ดีเพราะเป็นการช่วยกระตุ้นเตือนให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันมาใส่ใจความปลอดภัยของบุตรหลาน เมื่อต้องนำเขานั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่น มีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ โดยทางศูนย์การค้าฯ ได้ร่วมสนับสนุนพื้นที่บริเวณ ชั้น G เพื่อร่วมสนับสนุนให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไป ได้ขับขี่อย่างปลอดภัย