เปิดประเด็นสาธารณะวัดใจรัฐลดอุบัติเหตุ
ออกกฎขายเหล้าให้คนเมาแล้วขับรับผิดด้วย
วันนี้ ( 11 มีนาคม 2558 ) ที่โรงแรมเอเชีย เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
มูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน จัดเวทีเสวนา ขายเหล้าให้เมาแล้วขับ ต้องรับผิดด้วย โดยมีอธิราช มณีภาค ผู้พิพากษาอาวุโส อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา อดีตประธานศาลอุทธรณ์ภาค 4 วรรณา พัฒนาศิริ หัวหน้าศาลจังหวัดกำแพงเพชร ฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย พ.ต.อ.วีระวิทย์ วัจนะพุกกะ รองผู้บังคับการ กองบังคับการตำรวจจราจร นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ อนุวัฒน์ เตียวตระกูล นักกฎหมายอิสระ
อนุกรรมาธิการปฏิรูปการคุ้มครองผู้บริโภค สปช. ตัวแทนผู้ประกอบการสถานบันเทิง ภัทรพันธ์ กฤษณา ประธานเครือข่ายเหยื่อ
เมาแล้วขับ ปิยะศักดิ์ ชมจันทร์ หัวหน้าภาควิชาการโฆษณา มหาวิทยาลัยสยาม พร้อมด้วยผู้แทนภาคีเครือข่ายที่ทำงานด้านรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยเป็นจำนวนมาก
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
กฎหมายเมาไม่ขับบังคับใช้มาแล้ว 23 ปี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องให้มีการลงโทษผู้ที่เมาแล้วขับอย่างจริงจัง เด็ดขาด ขณะเดียวกันก็มีเสียงเรียกร้องให้ผู้ที่มีส่วนสนับสนุนทั้งทางตรง ทางอ้อม อาทิเช่น สถานประกอบการ ร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผู้จัดงานเลี้ยงที่มีการบริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่มีการห้ามปราม ว่ากล่าว ตักเตือน จนไปก่อให้เกิดเหตุเมาแล้วขับ ทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ ควรจะต้องมีส่วนร่วมรับผิดในฐานะผู้มีส่วนสนับสนุนให้เกิดเหตุด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ แนวความคิดดังกล่าว ในหลายประเทศได้ออกเป็นกฎหมายบังคับใช้แล้ว อาทิเช่น ประเทศญี่ปุ่น ประเทศออสเตรเลีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
นายแพทย์แท้จริง เปิดเผยต่อไปอีกว่า
ความรับผิดร่วมกันต่อกรณีผู้ที่เมาแล้วขับไปก่อให้เกิดผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต เป็นแนวคิดใหม่ในสังคมไทย แน่นอนย่อมมีผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
คำถามก็คือ ถึงเวลาหรือยังที่ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมแรงร่วมใจกัน แสวงหาความร่วมมือ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนปัญหาการเมาแล้วขับอย่างจริงจัง เพื่อเป้าหมายคือการลดความสูญเสียในชีวิตและทัพย์สินของคนไทย
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปอีกด้วยว่า
ปี พ.ศ.2557 องค์การอนามัยโลกระบุว่า ประเทศไทยไทย ติดอันดับ 2 ของโลก รองจากประเทศนามิเบีย ที่มีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนสูงสุด และถ้าปัญหาอุบัติเหตุจราจรยังไม่ได้ถูกจัดลำดับให้เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนเอาจริงเอาจัง ตนเชื่อว่าประเทศไทยจะติดอันดับ 1 ของโลกแทนประเทศนามิเบียอย่างแน่นอน นายแพทย์แท้จริง กล่าว