3 พฤษภาคม 2558
จากเหตุการณ์ นักศึกษาสาวมหาวิทยาลัยชื่อดัง นางสาวภัทร์ชุดา จายเรือน อายุ 23 ปี ขับรถยนต์เก๋งสีดำ ยี่ห้อโตโยต้า ทะเบียน ขย 9417 เชียงใหม่ พุ่งชนนักปั่นจักรยาน เสียชีวิต 3 ราย บริเวณถนนหลวงสาย 118 เชียงใหม่-ดอยสะเก็ด
5 พฤษภาคม 2558
เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ของ น.ส.ภัทร์ชุดา จายเรือน พบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ 67 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้คือไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเมาสุราขณะขับรถ และขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ชีวิต
8 พฤษภาคม 2558
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้อนุมัติหมายจับเพื่อดำเนินคดีต่อนางสาวภัทร์สุดา จายเรือน ใน 3 ข้อหา คือ ขับรถด้วยความประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต กระทำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และเมาแล้วขับ
29 พฤษภาคม 2558
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ มีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว นางสาวภัทรชุดา จายเรือง อายุ 24 ปี หลังก่อเหตุเมาแล้วขับรถยนต์พุ่งชนกลุ่มนักปั่นจักรยานสันทราย เสียชีวิต 3 ราย ฝ่ายจำไกล่เกลี่ยค่าเสียหายคดีเมาแล้วขับชนนักปั่นดับ 3 ศพ ด้านญาติผู้เสียชีวิตเรียกศพละ 4 ล้าน แต่จำเลยขอจ่าย 7 หมื่น สรุปยังตกลงกันไม่ได้
9 กันยายน 2558
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้นัดพิจารณาคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นโจทก์ฟ้อง น.ส.ภัทร์ชุดา จำเลยในคดีกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีการอ่านคำพิพากษาทั้งในคดีแพ่งและอาญา ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง โดยมีญาติของผู้เสียชีวิต, เจ้าหน้าที่บริษัทมิตรแท้ประกันภัย, กลุ่มชมรมเสือสันทรายและกลุ่มเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับจังหวัดเชียงใหม่ มาร่วมรับฟังคดี ขณะที่ น.ส.ภัทร์ชุดา บวชเป็นแม่ชี ได้นุ่งขาวห่มขาวมาฟังคำตัดสิน จำเลยได้ยอมรับว่ากระทำความผิดจริง และทางบริษัทมิตรแท้ประกันภัย ได้จ่ายค่าเสียหายให้ญาติผู้ตายครบตามวงเงินประกัน คนละ 1 ล้านบาท และวงเงินประกันตามประกันภัยบุคคลที่ 3 อีกคนละ 2 แสนบาท รวมเป็นคนละ 1.2 ล้านบาท แต่ยังไม่สามารถตกลงค่าเสียหายกันได้ ศาลจึงเลื่อนให้นัดมาไกล่เกลี่ยตกลงกันในเรื่องของค่าสินไหมอีกครั้ง
2 ตุลาคม 2558
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้จัดกระบวนการสมานฉันท์ระหว่างฝ่ายโจทก์กับฝ่ายจำเลยขึ้นตามที่ได้แจ้งในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 9 กันยายน โดยผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธาน ศาลได้นำกระบวนยุติธรรมเชิงสมานฉันท์มาใช้กับคดีเพื่อให้คู่กรณีปรับความเข้าใจกัน พูดคุยหาทางออกร่วมกันในประเด็นเยียวยาความเสียหายในทางแพ่ง แม้ว่าคู่กรณีไม่อาจให้อภัยกันได้ ผลปรากฏว่าไม่สามารถ “สมานฉันท์” กันได้ ศาลสรุปการพิจารณาคดีด้วยการนัดสืบพยานโจทก์ร่วมและจำเลย ในวันที่ 17 มีนาคม 2559
วันที่ 18 มีนาคม 2559
ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้นัดไต่สวนครั้งสุดท้ายของคดีหมายเลขดำที่ อ.๒๙๕๒/๒๕๕๘ ที่มีพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่เป็นโจทก์ และบุตรและภรรยาของผู้เสียชีวิตทั้งสามรวม ๕ คนเป็นโจทก์ร่วม และนางสาวภทร์สุดาเป็นจำเลย ในประเด็นค่าเสียหายที่โจทก์ร่วมเรียกร้องจากจำเลย เนื่องไม่สามารถตกลงกันได้แม้ศาลจะจัดให้มีกระบวนการไกล่เกลี่ยไปเมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๘ ในการไต่สวนครั้งนี้ ผู้พิพากษาได้กล่าวว่า อย่าเอาความโกรธแค้นเศร้าหมองมาเป็นกระบวนการของศาล ในเมื่อจำเลยสารภาพผิดแล้วก็มาพิจารณากันเรื่องค่าเสียหาย เรื่องนี้มีผลกระทบต้องปรึกษาหารือหลายฝ่าย รวมทั้งผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดเชียงใหม่และอธิบดีผู้พิพากษาภาค ๕ จึงขอนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ เวลา ๑๓.๐๐
วันที่ 31 พฤษภาคม 2559
ศาลจังหวัดเชียงใหม่อ่านคำพิพากษาคดีนักศึกษาสาวเมาแล้วขับชนนักปั่นเสียชีวิต 3 ศพ ตัดสินลงโทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา โดยจำเลยยื่นขอประกันตัวออกไปต่อสู้ในชั้นอุทธรณ์
วันที่ 27 มิถุนายน 2560
ศาลอุทธรณ์ นัดอ่านคำพิพากษา คดีนักศึกษาสาวซิ่งเก๋งชนขบวนนักปั่นจักรยานเสือสันทราย เสียชีวิต 3 ศพ พิพากษายืน จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา