นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้เตือนมายังผู้จัดละครถึงเรื่องความเป็นความตายดังนี้ครับ
“เรียน คุณแจ๋วริมจอ ปี พ.ศ.2554 รัฐบาลประกาศให้เป็นปีแห่งการสวมหมวกกันน็อก ดูโจทย์แล้วคงจะยากเย็นแสนเข็ญพอสมควร แต่ก็ดีกว่านั่งบ่นแล้วไม่ทำอะไร ปล่อยให้คนไทยหัวน็อกพื้นตายปีละ 6,000-7,000 คน
ซึ่งผมเชื่อว่าในเรื่องนี้คนในวงการบันเทิงมีส่วนช่วยได้มาก ในฐานะเป็นบุคคลสาธารณะที่สามารถเป็นแบบอย่างให้กับประชาชนได้
แต่ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2553 ผมได้มีโอกาสดูละครทางช่อง 3 เรื่องแฝดนะยะ มีอยู่ตอนหนึ่งที่พี่เลี้ยงนางงามกับเพื่อนนางเอกที่ชื่อกระบี่ขับขี่รถจักรยานยนต์จะไปช่วยนางเองออกจาโรงพยาบาล
ในฉากนั้นผู้ซ้อนท้ายไม่ ได้สวมใส่หมวกกันน็อก ซึ่งผมเชื่อว่าทางผู้กำกับคงไม่ได้ มีเจตนา แต่ภาพแบบนี้เมื่อสื่อออกไป ประชาชนจะเกิดความเข้าใจผิดว่า ผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ กฎหมายยกเว้นไม่ต้องสวมใส่หมวกกันน็อก
ทั้ง ที่ความจริงแล้วกฎหมายไม่มีการยกเว้นทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย จะมีการยกเว้นให้กรณีที่เป็นพระภิกษุ หรือเป็นผู้นับถือศาสนาซิกข์เท่านั้น
จาก ประสบการณ์ที่ได้ทำงานรณรงค์เมาไม่ขับมา ในช่วงแรกที่ทำการรณรงค์ ก็มีปัญหาคล้ายกับเรื่องหมวกกันน็อก เพราะคนไม่เข้าใจ นึกว่ามูลนิธิเมาไม่ขับรณรงค์ไม่ให้คนดื่มเหล้า
จริงๆแล้วการดื่มเหล้าเป็นสิทธิส่วนบุคคลเราคงไปห้ามอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเมาแล้วขับมันผิดกฎหมายจึงต้องออกมาเตือนกัน
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผมสังเกตเห็นผู้จัด ผู้กำกับ ผู้ผลิต โปรดิวเซอร์รายการบันเทิง เริ่มเอาประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเมาไม่ขับเอาไปใส่ไว้ในเนื้อหาของละครบ้าง รายการต่างๆ บ้าง ซึ่งก็ต้องขอชื่นชม และขอบคุณแทนคนไทยทั้งประเทศมา ณ โอกาสนี้
กรณีของหมวกกันน็อก ผมก็หวังจะเป็นแบบเดียวกับเรื่องเมาไม่ขับ ก็ขอฝากความห่วงใยนี้มายังทุกท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการผลิตผลงานทางด้าน บันเทิงสู่สายตาประชาชน
ถ้าจะมีฉากใด ตอนใดที่ต้องมีการขับรถจักรยานยนต์ ขอให้มีหมวกกันน็อกอยู่บนศีรษะก็จะเป็นการช่วยลดการตาย การเจ็บทางสมองของคนไทย ถือเป็นการร่วมกันทำบุญ ทำกุศลในโอกาสในหลวงครบ 84 พรรษา ในปี 2554 ด้วยครับ”
“แจ๋วริมจอ”
ขอบคุณแหล่งข่าวจาก http://www.thairath.co.th