'เมาไม่ขับ' เปิดเวทีตามหาความจริง 'คดีบอส ยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ'

21 สิงหาคม 63 / อ่าน : 3,033


"มูลนิธิเมาไม่ขับ" เปิดเวทีตามหาความจริง “คดีบอส ยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ” เผยมีสายปริศนาโทรข่มขู่จะเผาให้วอดมาแล้ว พร้อมยืนยันทำงานบนหลักการ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้า หรือยากจน เมาแล้วชนคนตาย ต้องติดคุกอย่างเดียว ยันข้อมูลใหม่ต่อหน้าสื่อ แอลกอฮอล์ลดลง 15% ไม่จริง อัยการยังชี้ทีมกฎหมายของ “บอส อยู่วิทยา” วางแผนสู้คดีผิด ทำให้สังคมไม่ให้อภัย 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 20 ส.ค.63 ที่โรงแรมแกรนด์เมอร์เคียวฟอร์จูน ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพฯ มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน จัดเวทีสาธารณะ “คดีบอส ยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ” โดบมีแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม นายสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโส นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ มาร่วมเสวนาหาความยุติธรรม หาความจริงให้ปรากฏในสังคมไทย

เวทีเสวนา “คดีบอส ยุติธรรมหรือธรรม-ยุติ” มีข้อสังเกตจากอัยการจังหวัด สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงสุพรรณบุรี ที่มองว่า พยานหลักฐานคดีนี้ถูกบิดเบือน ทำลายหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นการให้พ่อบ้านมารับผิดแทน หรือการหาพยานใหม่ 2 คน มาชี้ประเด็นความเร็วของรถ ทั้งยังมองว่า ทีมกฎหมายของฝ่ายผู้ต้องหาวางแผนผิด ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยว่ามีการทำลายหลักฐานต่างๆ จำนวนมาก ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง


ในเวทีเสวนายังนำอาสาสมัครมาทดสอบหาแอลกอฮอล์ในร่างกาย และพิสูจน์ค่าการลดลงของแอลกอฮอล์ทุกชั่วโมง เนื่องจากคดี “บอส” มีการให้ข้อมูลในสำนวนว่า ปริมาณแอลกอฮอล์จะลดลง 15% ทุกชั่วโมง ซึ่งผลตรวจแอลกอฮอล์ “บอส” วันเกิดเหตุ พบว่ามีแอลกอฮอล์ 64.4 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากคำนวณย้อนหลัง 11 ชั่วโมง พบว่า “บอส” มีแอลกอฮอล์สูงถึง 389 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นเหตุให้อ้างว่าขับรถไม่ได้ แต่พบว่าหลักการนี้ไม่เป็นความจริง เพราะแอลกอฮอล์ไม่ได้ลดลงทุกชั่วโมง ค่าที่ได้ไม่คงที่ บางคนยังสามารถขับรถได้ แม้ไม่ควรทำก็ตาม และประเด็นนี้น่าจะเป็นข้อมูลใหม่สำหรับคดีนี้ได้


พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ชี้เป็นเรื่องแปลกที่ตำรวจไม่ตรวจแอลกอฮอล์ “บอส” ทันทีที่พบตัว แต่ทิ้งเวลานานหลายชั่วโมง และใช้วิธีคำนวณย้อนหลัง ซึ่งมีผลต่อการตรวจวัด และมีหลายปัจจัยเกี่ยวข้อง ทั้งอาหารที่รับประทาน และการดูดซึมของร่างกาย

ผู้เสวนาเห็นตรงกันว่า การทำหน้าที่ของอัยการในปัจจุบัน ขาดความพยายามที่จะค้นหาหลักฐานข้อเท็จจริงต่างๆ สิ่งสำคัญควรรวบรวมหลักฐานตั้งแต่ต้นทางให้ถูกต้อง ครบถ้วน ทันเวลา เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม นำคนผิดมาลงโทษต่อไป



โดย นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่าตลอดระยะเวลา 24 ปีที่ผ่านมา ตนได้ต่อสู้เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้บริสุทธิ์ที่ถูกคนเมากระทำการละเมิดสิทธิ์ในความปลอดภัยบนท้องถนนของประชาชน มีบุคคลทุกชนชั้นที่ละเมิดกฎหมายเมาแล้วขับ ตั้งแต่หลานอดีตนายกรัฐมนตรี ทูตไทยประจำประเทศในยุโรป อดีตนายกสมาคมนักข่าว ข้าราชการ นักธุรกิจ ฯลฯ แต่เหตุการณ์กรณี บอส เป็นเรื่องที่ทำให้สังคมไทยช็อกและรับไม่ได้เลย เพราะมีความพยายามจะฟอกขาวให้กับผู้ต้องหา ตนจึงยอมไม่ได้และเชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศก็คงยอมไม่ได้เช่นกัน

ส่วนการที่มีผู้โทรศัพท์โทรมาข่มขู่จะเผามูลนิธิเมาไม่ขับ ตลอดเวลาที่รณรงค์เมาไม่ขับมา ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขี้นเลย ทางมูลนิธิเมาไม่ขับไม่มีศัตรูกับใคร เราไม่สนับสนุนให้คนกินเหล้า แต่ทางเราก็ห้ามไม่ได้ เป็นสิทธิ์ของคุณ แต่ขอว่าถ้ากินแล้ว เมาแล้ว อย่ามาขับรถ เพราะมันเสี่ยงที่จะชนคน และก็จะติดคุก เหตุการณ์นี้ รู้สึกตกใจคิดไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้นกับมูลนิธิเมาไม่ขับ มันอาจจะเป็นไปได้ ที่ทางมูลนิธิเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีบอส อยู่วิทยา ซึ่งได้ให้คุณสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ ไปแจ้งความไว้แล้ว ที่ สน.รัตนาธิเบศร์ ไว้เป็นหลักฐานแล้ว อยากฝากไปยังผู้ที่ข่มขู่จะด้วยเหตุผลใด ขอยืนยันว่า มูลนิธิเมาไม่ขับทำงานบนหลักการ ไม่ว่าจะรวยล้นฟ้า หรือยากจน เมาแล้วชนคนตาย ต้องติดคุกอย่างเดียว.



https://tna.mcot.net/politics-511224,

https://www.thairath.co.th/news/crime/1914877,

https://www.ejan.co/news/5f3e17368f23c


ความคืบหน้าคดีดัง



QR Code DDD Line
ddd025750101