สาธารณสุขจับมือเมาไม่ขับ
เซฟโควิด - เซฟอุบัติเหตุปีใหม่ 66
ชวนปชช.ร่วมเป็นอาสาตาจราจร
วันนี้( 28 ธันวาคม 2565 ) สถานีขนส่งหมอชิต
มูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมกับบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์ปีใหม่ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน ซึ่งบรรยากาศในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องการป้องกันตนเองจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 และอันตรายจากการเมาแล้วขับ มีการแจกหน้ากากอนามัย เจลล้างมือสติ๊กเกอร์แผ่นพับคู่มือการปฏิบัติตนเองเพื่อป้องกันไวรัสโควิด19 และคู่มือการเดินทางปีใหม่อย่างไรให้ปลอดภัย นอกจากนั้นแล้วยังมีการจัดเสวนาฉลองปีใหม่อย่างไรไม่ให้ตกเป็นเหยื่อจากอุบัติเหตุ”โดยมีเหยื่อเมาแล้วขับร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จากสถิติอุบัติเหตุเทศกาลปีใหม่ เมื่อปี 2565 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิต 333 คน บาดเจ็บ 2,672 คน สาเหตุหลักใหญ่เกิดจากการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ง่วงแล้วขับ และขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด ไม่สวมหมวกกันน็อก การฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เป็นต้น
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
กระทรวงสาธารณสุขมีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 และอุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน และมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านฉลองปีใหม่จำนวนมาก ทางกระทรวงสาธารณสุขจึงต้องดูแลเรื่องความปลอดภัย ทั้งจากไวรัสโควิด 19 และอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะผู้โดยสารที่เดินทางมายังสถานีขนส่งหมอชิตทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง นอกจากนั้นทางบริษัทขนส่ง จำกัด ได้เตรียมเจลสำหรับบริการประชาชน รวมไปถึงภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ได้นำหน้ากากอนามัยและเจลมาแจกให้ด้วย ส่วนในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุ ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคม นโยบายที่สำคัญคือต้องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน ทั้งนี้ ได้กำหนดเป็นนโยบายให้พนักงานที่ขับขี่รถโดยสารสาธารณะต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ทั้งผู้ขับขี่รถ บขส. , รถขสมก. และรถร่วมทั้งหลาย โดยจะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ต้องปลอดจากแอลกอฮอล์ ตรวจเข้มในเรื่องการเมาสุรา การขับรถเร็ว การโทรแล้วขับ ฯลฯ โดยเฉพาะรถสาธารณะแอลกอฮอล์จะต้องเป็นศูนย์มิลลิกรัม หากตรวจพบว่าพนักงานขับรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย จะมีการลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือนหรือพักงาน “ผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการขับขี่รถที่สูงกว่าผู้ขับขี่รถทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเจตนาที่จะละเมิดกฎแห่งความปลอดภัย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วฐานดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ และผิดกฎหมายขนส่งโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
สถานการณ์อุบัติเหตุโดยรวมยังมีความน่าเป็นห่วง สถิติตัวเลขแม้ว่าจะลดน้อยลง แต่ก็ยังจัดว่าเป็นสถิติที่สูงอยู่ เมื่อเปรียบเทียบกับนานาอารยประเทศ เทศกาลปีใหม่ 2566 ที่จะถึงนี้ จึงขอให้คนไทยร่วมกันลดปัจจัยเสี่ยงทั้งจากไวรัสโควิด 19 และอุบัติเหตุบนท้องถนน ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย มีสติ ไม่ประมาทในการขับรถ จะปลอดภัยทั้งจากโควิด 19 และอุบัติเหตุทางถนน ซึ่งในเทศกาลปีใหม่ 2566 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายชัดเจนสั่งการไปยังทุกหน่วยให้คุมเข้มการเมาแล้วขับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องถูกดำเนินคดีอย่างหนัก
อย่างไรก็ตามลำพังกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทั่วประเทศ คงไม่สามารถดูแลความปลอดภัยพี่น้องประชาชนคนไทยได้อย่างทั่วถึง จึงขอความร่วมมือประชาชนที่เดินทางในช่วงเทศกาลปีใหม่ 7 วันอันตราย ถ้าพบเห็นผู้ขับขี่รถที่มีพฤติกรรมเสี่ยงบนท้องถนน ขอให้ส่งคลิปมายังเพจอาสาตาจราจรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไปดำเนินการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ ซึ่งท่านอาจได้รางวัล 1 หมื่นบาท ภายใต้ชื่อโครงการ 7 วัน 7 คลิป 7 หมื่น ปีใหม่ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลนิธิเมาไม่ขับ และบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด ( มหาชน ) เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าว