หมอแท้จริงไม่ขอทน
เสนอคมนาคมจัดหนักขาเมา
แก้โทษจำคุกไม่รอลงอาญา
วันนี้ (11 เมษายน 2567) สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
มูลนิธิเมาไม่ขับร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท ขนส่ง จำกัด สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดกิจกรรมรณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุทางถนน โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานเปิดงานซึ่งบรรยากาศในงานมีการจัดกิจกรรมให้ความรู้กับประชาชนในเรื่องอันตรายจากการเมาแล้วขับ สติ๊กเกอร์แผ่นพับ คู่มือการเดินทางสงกรานต์อย่างไรให้ปลอดภัย
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า
กระทรวงคมนาคมมีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 เนื่องจากมีวันหยุดต่อเนื่อง 5 วัน และมีพี่น้องประชาชนเดินทางกลับบ้านฉลองสงกรานต์จำนวนมาก ทางกระทรวงคมนาคมจึงดูแลเรื่องความปลอดภัยอุบัติเหตุอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันอุบัติเหตุทางถนน กระทรวงคมนาคม มีนโยบายที่สำคัญคือต้องอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทางให้กับประชาชน โดยจะเข้มงวดกวดขันผู้ขับขี่ต้องปลอดจากแอลกอฮอล์ ตรวจเข้มในเรื่องการเมาสุรา การขับรถเร็ว การโทรแล้วขับ ฯลฯ หากตรวจพบว่าพนักงานขับรถมีปริมาณแอลกอฮอล์ จะมีการลงโทษสถานหนักถึงขั้นไล่ออก ให้ออก ตัดเงินเดือนหรือพักงาน “ผู้ขับขี่รถสาธารณะเป็นบุคคลที่ต้องรับผิดชอบชีวิตผู้อื่นเป็นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องมีมาตรฐานในการขับขี่รถที่สูงกว่าผู้ขับขี่รถทั่วไป การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้แต่เพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นเจตนาที่จะละเมิดกฎแห่งความปลอดภัย ถือว่าความผิดสำเร็จแล้วฐานดื่มสุราในขณะปฏิบัติหน้าที่ และผิดกฎหมายขนส่งโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับ 2,000 – 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าว
ทางด้านนายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
ถึงเวลาที่ประเทศไทยต้องเอาจริงเอาจังกับปัญหาคนเมาแล้วขับอย่างเป็นรูปธรรมและพิสูจน์ทราบได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ที่เมาแล้วขับชนคนเสียชีวิต ปัจจุบันบทลงโทษ 3-10 ปี ถ้าผู้ก่อเหตุรับสารภาพ แม้ว่าศาลจำคุกด้วยโทษสูงสุด 10 ปี ผู้ก่อเหตุรับสารภาพศาลลงโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือโทษจำคุก 5 ปี ซึ่งโทษจำคุก 5 ปี อยู่ในเงื่อนไขที่ศาลสามารถรอลงอาญาผู้ก่อเหตุได้ จึงทำให้ผู้ที่เมาแล้วขับชนคนตาย ไม่มีรายใดเคยถูกจำคุกเลย
มูลนิธิเมาไม่ขับขอเสนอให้กระทรวงคมนาคมช่วยรับเป็นเจ้าภาพ ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดี ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเห็นด้วยกับเรื่องนี้ ดังนั้นมูลนิธิเมาไม่ขับจึงได้ทำหนังสือเสนอให้กับรัฐมนตรีว่การกระทรวงคมนาคม นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขอให้กระทรวงคมนาคมสนับสนุนการแก้ไขบทลงโทษเมาแล้วขับชนคนเสียชีวิตจากโทษจำคุก3-10 ปี เป็นจำคุก 11-13 ปี แม้ว่าผู้ที่เมาแล้วขับชนคนตายรับสารภาพและศาลลงโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกด้วยโทษขั้นต่ำ 11 ปี คงเหลือ 5 ปี 6 เดือน ศาลก็ไม่สามารถรอลงอาญาได้ เนื่องจากโทษจำคุกเกิน 5 ปี
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปว่า “
ในฐานะที่ตนทำงานขับเคลื่อนการบังคับใช้กำหมายมากว่า 30 ปี คิดว่าถึงเวลาแล้วที่การจัดการกับคนเมาแล้วขับต้องเป็นสากลเหมือนกับนานาอารยประเทศที่พัฒนาแล้ว พฤติกรรมผู้ที่เมาแล้วขับไปชนคนเสียชีวิตกับคนที่ขับรถหักหลบหมาชนคนเสียชีวิต บทลงโทษมันไม่ควรเท่ากันเพราะคนคนหนึ่งรู้อยู่แก่ใจว่ากฎหมายห้ามเมาแล้วไปขับ แต่ยังจงใจเจตนาฝ่าฝืน แต่คนที่ขับรถหักหลบหมาไปชนคนเสียชีวิตมันเป็นเพราะสุดวิสัย พฤติกรรมต่างกัน เจตนาต่างกัน บทลงโทษก็ควรต่างกัน นายแพทย์แท้จริง กล่าว