คุณวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นประธานปล่อยขบวนรณรงค์ ผู้ว่า.ห่วงหัว..ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัด

16 กุมภาพันธ์ 59 / อ่าน : 1,839

         คุณวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดที่ใช้รถจักรยานยนต์มากจังหวัดหนึ่ง พฤติกรรมที่น่าห่วงใยก็คือ ไม่สวมหมวกกันน็อก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน เนื่องจากพ่อแม่ผู้ปกครองเชื่อว่าการขี่รถจักรยานยนต์ไปส่งบุตรหลานระยะใกล้ ๆ ไม่อันตราย ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ผิด ในทางกฎหมายการที่พ่อแม่ผู้ปกครองนำบุตรหลานนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์แล้วไม่สวมหมวกกันน็อก มีความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท และ พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กมาตรา 26 (2) มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ในทางปฏิบัติเป็นเรื่องยากที่จะบังคับใช้กฎหมายในการจับเด็กเยาวชนไม่สวมหมวกกันน็อกได้
จังหวัดจึงได้ร่วมกับชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ กลุ่มบริษัท เอไอจี ประเทศไทย (AIG) สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดโครงการผู้ว่าห่วงหัวขึ้น ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 หน้าศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจัดทำหมวกกันน็อก 800 ใบ แจกเด็กเป็นการนำร่องโครงการผู้ว่าห่วงหัว หลังจากนั้นจะประเมินผลโครงการเพื่อขยายโครงการให้ครอบคลุมให้ทั่วจังหวัด
คุณหมอแท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการชมรมคนห่วงหัวและเลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า เด็กเมื่อเกิดมาจำต้องได้รับการปกป้องดูแลจากพ่อแม่ผู้ปกครอง โดยพาไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคบาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ และถือเป็นหน้าที่ที่พ่อแม่ผู้ปกครองต้องทำไม่ว่าเด็กจะยินยอมหรือไม่ การจัดหาหมวกกันน็อกใส่ให้บุตรหลานเมื่อนำเขาซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ก็เหมือนกับการฉีดวัคซีนป้องกันศีรษะให้บุตรหลาน ชมรมคนห่วงหัวในมูลนิธิเมาไม่ขับ กลุ่มบริษัท เอไอจี ประเทศไทย จึงขอเชิญชวนผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ มาร่วมกันปกป้องชีวิตเยาวชนไทยด้วยการส่งเสริมให้พ่อแม่ผู้ปกครองที่นำบุตรหลานนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ จัดหาหมวกกันน็อกให้บุตรหลานใส่
คุณปัญญ์ รอดลอยทุกข์ รองประธานอาวุโส กลุ่มบริษัท เอไอจี ประเทศไทย เปิดเผยว่า เอไอจีทั่วโลก มีนโยบายร่วมดูแลสังคมชุมชน ภายใต้แนวคิด "Make the world a safer place" หรือ "สร้างสรรค์โลกให้ปลอดภัยกว่าเดิม" โดยเน้นที่กิจกรรมสามด้านคือ ส่งเสริมความปลอดภัย ส่งเสริมความมั่นคง และช่วยเยียวยาเมื่อมีภัย ในไทยการสนับสนุนให้เด็กใช้หมวกกันน็อกร่วมกับชมรมคนห่วงหัว นับเป็นกิจกรรมหลักด้านการส่งเสริมความปลอดภัย หวังว่าจะมีผู้เห็นความสำคัญท่านอื่น ๆ มาร่วมกันสนับสนุนชมรมคนห่วงหัวอย่างต่อเนื่อง
เพราะไทยต้องใช้เงินกว่า 3 พันล้านบาทเพื่อที่จะให้เด็กไทยทั้ง 2.1 ล้านคน มีหมวกกัน น็อกสวมไปโรงเรียนทุกวันครบทุกคน
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์



ความคืบหน้าคดีดัง



QR Code DDD Line
ddd025750101