สุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ เป็นประธานในพิธีจับจดหมายหาผู้โชคดีได้รับ
พระสังกัจจายน์จากมูลนิธิเมาไม่ขับ
เมาไม่ขับจับมือภาคีเครือข่าย
รณรงค์เมาไม่ขับเทศกาลตรุษจีน
แจกพระสังกัจจายน์
วันนี้ 12 กุมภาพันธ์ 2553 ณ วัดมักรกมาลาวาส ( วัดเล่งเน่ยยี่ )
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ.10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ คุณธีระชน มโนมัยพิบูลย์รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ คุณวรรณิดา ชุลีคร ผู้จัดการมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง คุณกานดา วัฒนายิ่งสมสุข รองผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด คุณชัยกฤษ์ จิตต์แก้ว ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนองค์กร บริษัทโตเกียวศรีเมืองประกันภัย จำกัด พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนนภาครัฐ ภาคเอกชน ได้ร่วมกันจัดโครงการตรุษจีนขับถูกจับแน่ขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวในเทศกาลตรุษจีนได้เล็งเห็นถึงภัยอันตรายจากการเมาสุราแล้วไปขับรถ อีกทั้งจะมีการสนธิกำลังตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ทั่วประเทศ
นอกจากนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สสส.และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุภาครัฐ ภาคเอกชน ได้จัดทำพระสังกัจจายน์ จำนวน 8,888 องค์ ทั้งนี้โดยได้รับความเมตตาจากพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยากรณ์ เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (วัดเล่งเน่ยยี่ ) ปลุกเสกให้ไปแจกจ่ายให้กับประชาชน เพื่อเป็นสิริมงคลในโอกาสเทศกาลตรุษจีน
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
เทศกาลตรุษจีนเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่มีคนไทยเสียชีวิตมาก เนื่องจากมีการเฉลิมฉลองและการเดินทางท่องเที่ยวกันมาก ซึ่งจะมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ร่วมด้วยก่อให้เกิดอุบัติเหตุจราจร และในเทศกาลตรุษจีน ปี พ.ศ.2552 มีคนไทยเสียชีวิต 136 ศพ บาดเจ็บ 708 คน สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเมาสุราแล้วไปขับรถ ดังนั้นทางมูลนิธิเมาไม่ขับ มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคุมประพฤติประจำศาลแขวงพระนครเหนือ สสส. บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด บริษัท โตเกียวศรีเมืองประกันภัย จำกัด กรมป้องกันบรรเทาและสาธารณภัย และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุ ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดโครงการตรุษจีนขับถูกจับแน่ โดยจะมีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่อย่างเข้มในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2533 ซึ่งถ้าท่านยังฝ่าฝืนจะต้องถูกจับดำเนินคดีมีโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ยึดใบอนุญาตขับขี่เป็นเวลา 6 เดือน และต้องถูกคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี ทำงานสาธารณประโยชน์อีกไม่เกิน 48 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ฝากไปถึงผู้ที่จะเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษจีน หากมีการดื่มสุราโปรดหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะส่วนตัว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและผู้อื่น และเพื่อรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุจราจรจากผู้ดื่มสุราที่ขับขี่ยานพาหนะในช่วงเทศกาลตรุษจีน
หมอแท้จริงจับมือตร.-ป่อเต็กตึ้ง ลดอุบัติเหตุ
เผยปี 52 เมาขับฉลองตรุษจีน ตาย 136 ศพ
ปลุกเสกพระสังกัจจายน์แจกเป็นสิริมงคล
นายแพทย์
เทศกาลตรุษจีนหรือเทศกาลปีใหม่ของชาวจีน กำลังจะเวียนบรรจบมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งจากสถิติตัวเลขอุบัติเหตุจราจรถือได้ว่าเทศกาลตรุษจีนเป็นเทศกาลที่มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรเมาแล้วขับมากเป็นอันดับสี่รองจากเทศกาลสงกรานต์ เทศกาลปีใหม่ และเทศกาลลอยกระทง ทั้งนี้เมื่อเทศกาลตรุษจีนปี 2552 ที่ผ่านมา 24-27 มกราคม 2552 มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 136 คน บาดเจ็บ 708 คน ลดลงจากเทศกาลตรุษจีนปี 2551 ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 140 คน บาดเจ็บ 816 คน
อย่างไรก็ตามเนื่องจากเทศกาลตรุษจีนปีนี้ตรงกับวันวาเลนไทน์และตรงกับวันเสาร์ อาทิตย์ ซึ่งคาดว่าจะมีพี่น้องประชาชนเดินทางไปทำบุญ และท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้มีความเชื่อกันว่าเป็นปีเสือดุ จึงขอเตือนผู้ที่จะเดินทางให้ระมัดระวัง เมาต้องไม่ขับอย่างเด็ดขาด นอกจากนั้นต้องโทรไม่ขับ ง่วงไม่ขับ ขับไม่เร็ว เคารพกฎจราจรอย่างเคร่งครัด
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนที่จะเดินทางไปเฉลิมฉลองในเทศกาลตรุษจีน มูลนิธิเมาไม่ขับจึงได้ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มูลนิธิปอเต็กตึ้ง กรุงเทพมหานคร บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด กรมป้องกันบรรเทาและสาธารณภัย บริษัท เอพีฮอนด้า จำกัด สำนักงานคุมประพฤติประจำศาลแขวงพระนครเหนือ บริษัท โตเกียวมารีนศรีเมืองประกันภัย จำกัด สสส. และภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุทางถนน ภาครัฐ ภาคเอกชน จัดโครงการตรุษจีนเมาขับถูกจับแน่ โดยจะมีการตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่อย่างเข้มงวดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 11-15 กุมภาพันธ์ 2553 นอกจากนี้แล้ว มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดทำพระสังกัจจายน์ ชุบทองขนาด 1x1 ซม. บรรจุในกล่องสีแดง โดยได้รับความเมตตาจากพระคณาจารย์จีนธรรมปัญญาจริยากรณ์ เจ้าอาวาสวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่) เยาวราช กรุงเทพฯ ปลุกเสกให้
ทั้งนี้เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจให้กับผู้ขับขี่ทั้งหลายอย่าไปเมาแล้วขับ อย่าขับรถด้วยความประมาท เพราะพระสังกัจจายน์ไม่สามารถคุ้มครองได้ ถ้าผู้ขับขี่ดำรงตนอยู่ในความประมาท
โดยจะมีพิธีแจกพระสังกัจจายน์ให้กับประชาชนเพื่อเป็นสิริมงคลในโอกาสเทศกาลตรุษจีนในวันศุกร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา12.30 น. ณ ลานหน้าวัดมังกรกมลาวาส (เล่งเน่ยยี่)เยาวราช กรุงเทพฯ โดยมีพลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว ที่ปรึกษาสบ.10 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธี
ส่วนผู้ที่อยู่ต่างจังหวัดให้ถ่ายสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งระบุว่าเป็นผู้เกิดปีขาล หรือปีที่ชงกับ
ปีขาลได้แก่ปีวอก ปีมะเส็ง และปีกุน จ่าหน้าถึงตัวท่านเองพร้อมสอดซองติดแสตมป์ 5 บาท ส่งมาที่ มูลนิธิเมาไม่ขับ 28/12 ซอยสุขุมวิท 19 (วัฒนา) แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
หมดเขตวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 ดูข้อมูลข่าวตรุษจีน ,ประวัติพระสังกัจจายน์ คลิ๊กได้ที่ www.ddd.or.th สอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนเมาไม่ขับ 1717
พ.ศ.ของผู้ที่เกิดปีขาลและปีชงกับปีขาล
ปีขาล ปีวอก ปีมะเส็ง ปีกุน
พ.ศ.2469 2475 2472 2478
พ.ศ.2481 2487 2484 2490
พ.ศ.2493 2499 2496 2502
พ.ศ.2505 2511 2508 2514
พ.ศ.2517 2523 2520 2526
พ.ศ.2529 2535 2532 2538
พ.ศ.2541 2547 2544 2550
พ.ศ.2553
พระสังกัจจายน์ (มี่เล่อฝอ) 弥勒佛
ผู้บันดาลโชคลาภ ความอุดมสมบูรณ์ ปัญญา และเมตตามหานิยม
“พระสังกัจจายน์” หรือ “มี่เล่อฝอ” หรือที่นิยมเรียกกันว่า “พระสังกัจจายน์โพธิสัตว์” เป็นคำเรียกกันทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน ซึ่งเป็นองค์เดียวกันกับคำเรียกทางพุทธศาสนาฝ่ายหินยานคือ “พระศรีอาริย์” (พระศรีอาริยเมตไตรย) อันเป็นคติความเชื่อทางพุทธศาสนาที่หมายถึงพระพุทธเจ้าองค์ใหม่ที่จะบังเกิดมาในอนาคตกาล ณ เวลานั้น เชื่อกันว่า สันติสุขอันแท้จริงจะบังเกิดขึ้นแก่มวลมนุษยชาติ
รูปลักษณะของพระสังกัจจายน์ (พระศรีอาริย์) ตามแบบคติแบบจีนนั้น จะเป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะอ้วนพลุ้ยเปลือยอก มีใบหน้าที่สดชื่นร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และมักหัวเราะเริงร่าอยู่เสมอ สองหูยาวจรดบ่ามักเห็นท่านในลักษณะท่าทางนั่งอย่างสบายอารมณ์หรือนั่งและมีเด็กๆ วิ่งรายล้อมอยู่รอบตัวพระสังกัจจายน์ เด็กๆที่ปีนป่ายอยู่รอบตัวท่านจะต้องเป็นเด็กผู้ชายจำนวน 5 คน เด็กชาย 5 คน เป็นความหมายแฝงที่หมายถึง
“อู่ฝู” หรือความสุข 5 ประการ อันถือเป็นความสุขที่เที่ยงแท้ของชีวิตมนุษย์ ซึ่งได้แก่
ความสุขที่หนึ่ง คือ ฉางโซ่ว หมายถึง มีอายุอันยืนยาว
ความสุขที่สอง คือ ฟู่กุ้ย หมายถึง มั่งคั่งร่ำรวย
ความสุขที่สาม คือ คังหนิง หมายถึง สุขภาพดีปราศจากโรคภัย
ความสุขที่สี่ คือ เห่าเต๋อ หมายถึง คุณธรรมอันประเสริฐ
ความสุขที่ห้า คือ ซ่านจง หมายถึง การตายอย่างสงบสุข
ในตำนานพุทธสาวกทั้ง 80 องค์ กล่าวว่า พระสังกัจจายน์ เป็นบุตรของพราหมณ์ปุโรหิต กัจจานโคตร หรือกัจจายนโคตร ในแผ่นดินของพระเจ้าจัณฑปัชโชต กรุงอุชเชนี เมื่อกัจจายนะกุมารเจริญวัย เรียนจบไตรเพท บิดาได้ถึงแก่กรรม จึงได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา
พระสังกัจจายน์ เป็นผู้มีมีรูปงาม ผิวเหลืองดุจทอง ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีโสเรยยะบุตรเศรษฐีคะนองเห็นพระสังกัจจายน์จึงปากพล่อยกล่าวว่า ถ้าเราได้ภรรยามีรูปกายงดงามเยี่ยงท่านนี้จักพอใจยิ่งพลันปรากฏว่าโสเรยยะบุตรมหาเศรษฐีหนุ่มคะนองปาก ได้กลายเป็นหญิงในทันทีจึงหลบหนีไป ต่อมาได้สามีและบุตรสองคน จึงกลับมาขอขมากับพระสังกัจจายน์ โสเรยยะจึงกลับคืนสู่เพศชายเช่นเดิม นับว่าพระสังกัจจายน์มีฤทธิ์อำนาจยิ่งองค์หนึ่งในพุทธสาวก
มีเรื่องเล่าขานกันว่าเพราะรูปกายอันงดงามของพระสังกัจจายน์ สร้างความปั่นป่วนแก่อิตถีเพศอย่างมาก จึงได้เนรมิตกายใหม่ให้อ้วน พุงพลุ้ย น่าเกลียด เพื่อความสงบแห่งจิตและกิเลส
ครั้นต่อมาพระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงทราบว่าพระศาสดาตรัสรู้แล้วเสด็จเที่ยวโปรดสัตว์สั่งสอน ประชุมชนธรรมะที่พระองค์สอนนั้น เป็นธรรมที่แท้จริง ยังประโยชน์แก่ผู้ประพฤติตาม จึงมีพระประสงค์ใคร่เชิญเสด็จพระบรมศาสดาไปประกาศที่กรุงอุชเชนี จึงรับสั่งให้กัจจายนะปุโรหิตไปทูลเสด็จกรุงอุชเชนี
กัจจายนะปุโรหิตพร้อมด้วยผู้ติดตาม 7 คน จึงออกจากกรุงอุชเชนี ครั้นมาถึงจึงพากันเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระองค์ทรงเทศน์สั่งสอน ในที่สุดบรรลุอรหันต์ทั้ง 8 คน หลังจากนั้นทั้ง 8 ก็ทูลขออุปสมบท ทรงขออนุญาต ครั้นอุปสมบทแล้ว จึงทูลเชิญเสด็จกรุงอุชเชนีตามหน้าที่ พระองค์รับสั่งว่า
“ท่านไปเองเถิด เมื่อท่านไปแล้ว พระเจ้าปัชโชตจักทรงเลื่อมใสท่าน”
พระพุทธเจ้าทรงตรัสยกย่องพระสังกัจจายน์ว่าท่านเป็นผู้ฉลาดในการอธิบายแห่งการย่อคำพิสดาร
พุทธคุณที่โดดเด่นของพระสังกัจจายน์นั้น ไม่ได้อยู่ที่การบันดาลโชคลาภแต่ประการเดียว หากเกี่ยวข้องกับเมตตามหานิยมและสติปัญญาด้วย
หมอแท้จริงวอนผู้ใหญ่หยุดเมา
มอบเป็นของขวัญฉลองวันเด็กแห่งชาติ
นายแพทย์
เทศกาลปีใหม่ 2553 ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แม้ว่าทุกฝ่ายจะภูมิใจกับความสำเร็จที่สามารถลดอุบัติเหตุการเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในช่วง 7 วันอันตรายได้ตามเป้า แต่ในสภาพความเป็นจริงแล้วอุบัติเหตุจราจรยังเป็นภัยร้ายแรงบั่นทอนสังคมไทยและเกิดขึ้นทุกวัน
มูลนิธิเมาไม่ขับจึงขอเรียกร้องให้ภาครัฐต้องเร่งทำงานเชิงรณรงค์และป้องกันอย่างต่อเนื่อง นับจากนี้ไปอย่ารอให้ถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์แล้วค่อยมาเริ่มทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวันเด็กแห่งชาติที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้
ขอวิงวอนผู้ปกครองทั้งหลายที่จะพาเด็กไปเที่ยวงานวันเด็กให้หยุดพฤติกรรมดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับลูกหลานของท่านในโอกาสฉลองวันเด็กแห่งชาติปีนี้
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยว่า
จากการสำรวจของมูลนิธิเมาไม่ขับในช่วงวันเด็กปี 2552 ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนร้องเรียนมายังมูลนิธิเมาไม่ขับเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ปกครองที่เมาแล้วขับพาเด็กไปเที่ยวงานวันเด็ก ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมเสี่ยงที่อันตรายอย่างยิ่ง
เป็นที่ทราบกันดีว่า ในแต่ละปีอุบัติเหตุจราจรคร่าชีวิตคนไทยไปมากกว่า 12,000 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีรวมอยู่ด้วยประมาณ 600-700 คน (เฉลี่ยวันละ 2 คน) และหากเปรียบเทียบการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรกับการเสียชีวิตด้วยการบาดเจ็บจากสาเหตุอื่นๆ จะพบว่า อุบัติเหตุจราจร เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการบาดเจ็บรุนแรงที่ทำให้เสียชีวิตในกลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี คิดเป็นกว่าร้อยละ 55 ซึ่งสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า เกิดจากพฤติกรรมเมาแล้วขับเป็นส่วนใหญ่
“ อยากขอฝากไปยังพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะพาลูกหลานไปเที่ยววันเด็ก ท่านต้องงดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด เพราะจากสถิติที่พบในวันเด็กทุกปีจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น อันเนื่องมาจากผู้ปกครองเมาแล้วขับเป็นจำนวนมาก ” นายแพทย์แท้จริง กล่าว
ข้อมูลอุบัติเหตุที่เกิดกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
ข้อมูลการตายจากใบมรณบัตร สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่าสถิติการเสียชีวิตของ เด็กไทยที่อายุต่ำกว่า 15 ปี จากอุบัติเหตุจราจร ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ พ.ศ. 2547 – 2551 มีจำนวนเท่ากับ 762 , 668 , 659 , 594 และ 636 รายต่อปี ตามลำดับ
ข้อมูลจากรายงานของโรงพยาบาลเครือข่ายเฝ้าระวังการบาดเจ็บระดับชาติ สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา (พ.ศ.2541-2550) พบว่า อุบัติเหตุขนส่ง เป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการบาดเจ็บรุนแรงในกลุ่มเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยเป็นสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิตสูงถึงร้อยละ 55.6 และคิดเป็นร้อยละ 11 ของทุกกลุ่มอายุ อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย เท่ากับ 1:2 ส่วนใหญ่เป็นผู้โดยสารร้อยละ 40 เป็นผู้ขับขี่ร้อยละ 32 และเป็นคนเดินเท้าร้อยละ 24 รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะที่เป็นสาเหตุของอุบัติเหตุมากที่สุดร้อยละ 57 และที่สำคัญพบพฤติกรรมการดื่มแอลกอฮอล์ในผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุขนส่งที่เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีมีสูงถึงร้อยละ 4.5
เตือนพวกเมา-ง่วง-โทร-เร็ว ระวังไปไม่ถึงที่หมาย
นาย
สำหรับขบวนคาราวานรณรงค์ลดอุบัติเหตุให้น้ำใจดีกว่าให้น้ำเมา ปีใหม่ ไปให้ถึง ( ARRIVE ALIVE ) เส้นทางตึกสันติไมตรี – อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ใช้ระยะเวลา 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25-31 ธันวาคม 2552 โดยมีเหยื่อผู้สูญเสียจากการเมาแล้วขับ จำนวน 5 คน ขับรถไปพร้อมกับรถอนุสาวรีย์เมาไม่ขับ ได้แก่ นาย
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า
ปัญหาอุบัติเหตุจราจรเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมไทย รัฐบาลภายใต้การนำของตนถือเป็นนโยบายสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการ
ทั้งนี้ตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ได้เข้ามาบริหารประเทศ รัฐบาลได้กำหนดให้ปัญหาอุบัติเหตุจราจรเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้ทศวรรษหน้า ( DECADE OF
อย่างไรก็ตาม การทำงานรณรงค์ลดอุบัติเหตุจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนและต้องทำอย่างต่อเนื่อง การที่มูลนิธิเมาไม่ขับ เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับภาครัฐ ภาคเอกชน จำนวนกว่า 120 หน่วยงาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จัดโครงการ ให้น้ำใจดีกว่าให้น้ำเมา ปีใหม่ ไปให้ถึง ( ARRIVE ALIVE ) ขึ้น นับเป็นนิมิตหมายที่ดีของความร่วมมือที่ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันอุบัติเหตุจราจร
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปอีกว่า
ในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า สิ่งที่รัฐบาลมีความเป็นห่วงก็คือการเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างขาดสติ ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุตามมา จึงอยากขอให้ทุกคนเดินทางไปให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ สมดังคำขวัญ ปีใหม่ ไปให้ถึง ( ARRIVE ALIVE ) เพราะอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเสี้ยววินาที ถ้าดำรงอยู่บนความประมาท เมาแล้วขับ ง่วงแล้วขับ ขับรถด้วยความเร็วสูง โทรศัพท์ขณะขับรถ ไม่เคารพกฎจราจร พฤติกรรมที่กล่าวมานี้ ล้วนเป็นปัจจัยหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุแทบทั้งสิ้น รัฐบาลอยากเห็นคนไทยทุกคนได้ฉลองปีใหม่กับครอบครัว กับคนที่ท่านรัก เทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งความแห่งความสุขที่ชาวไทยจะส่งความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน อย่าให้เทศกาลนี้เป็นเทศกาลแห่งการพลัดพรากกันตลอดไปเลย
ในฐานะประธานมูลนิธิเมาไม่ขับอยากจะวิงวอนให้คนไทยตระหนักถึงภัยอันตรายจากอุบัติเหตุจราจรทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเมาแล้วขับ โทรแล้วขับ ง่วงแล้วขับ ขับรถเร็ว ถ้าทุกท่านฉลองปีใหม่อย่างมีสติไม่อยู่บนความประมาท ปีใหม่ปีนี้จึงอยากเห็นคนไทยทุกคนเดินทางไปฉลองปีใหม่ ไปให้ถึง โดยปราศจากความสูญเสียในชีวิตและทรัพย์สิน ทั้งจากตนเองและผู้อื่น
นายแพทย์
เทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะเวียนมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าเป็นอีกเทศกาลหนึ่งที่จะมีคนไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร ดังจะเห็นได้จากสถิติเทศกาลปีใหม่ ปี 2552 พบว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรถึง 367 ราย บาดเจ็บ 4,107 ราย พฤติกรรมที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุจราจรส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาการเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ไม่เคารพกฎจราจร ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับกล่าว
เชิญชวนคนไทย ให้น้ำใจแทนน้ำเมา
เพื่อลดอุบัติเหตุช่วงเทศกาลปีใหม่
นายแพทย์
เทศกาลปีใหม่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เป็นช่วงของความสุขที่คนไทยจะส่งความปรารถนาดีให้แก่กันและกันในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ แต่ท่ามกลางความสุขนั้นมีความอันตราย มีความทุกข์แฝงอยู่โดยคนไทยไม่รู้ตัว นั่นก็คือ มหันตภัยร้ายจากอุบัติเหตุจราจรที่มีสาเหตุมาจากการเมาแล้วขับ ดังจะเห็นได้จากเทศกาลปีใหม่ เมื่อปี พ.ศ.2552 มีคนไทยเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจร 367 คน บาดเจ็บ 4,107 คน สาเหตุอันดับหนึ่งเกิดจากการเมาแล้วขับ รองลงมาได้แก่การขับรถเร็วและขับรถตัดหน้ากระชั้นชิด
เทศกาลปีใหม่ปีนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับ ขอเชิญชวนคนไทยเข้าร่วมโครงการ ให้น้ำใจดีกว่าให้น้ำเมา ปีใหม่ ไปให้ถึง ( ARRIVE ALIVE ) เนื่องจากน้ำใจของผู้ขับขี่รถในปัจจุบันนับวันกำลังจะเหือดหายไป ดังจะเห็นได้จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนำมาซึ่งความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินในหลายกรณีเกิดจากความไม่มีน้ำใจของผู้ขับขี่ทั้ง 2 ฝ่าย ประกอบกับในช่วงเทศกาลปีใหม่จะพบว่ากระเช้าของขวัญที่มอบแก่กันมักมีน้ำเมาประกอบอยู่ด้วยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดการเมาแล้วขับมากขึ้นกว่าปกติ ทั้งนี้ มูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดทำพัดซึ่งมีข้อความด้านหนึ่งว่า ขอโทษ ส่วนอีกด้านมีข้อความว่า ขอบคุณ เพื่อแจกจ่ายให้กับผู้ขับขี่สำหรับแสดงความมีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมทาง โดยการยกชูขึ้นแสดงความขอบคุณเมื่อเพื่อนร่วมทางที่มีน้ำใจให้กับเรา หรือแสดงความขอโทษ ในกรณีที่เราไม่ได้ตั้งใจกระทำพฤติกรรมที่สร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนร่วมทางในขณะขับขี่รถ มูลนิธิฯ หวังว่าการแสดงออกซึ่งการมีน้ำใจของผู้ขับขี่จะเป็นการช่วยลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุลงได้ รวมทั้งยังจะเป็นการ ส่งเสริมให้เกิดเป็นวัฒนธรรมความปลอดภัยที่ดีงามของสังคมต่อไปด้วย
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปว่า
มาตรการคุมเข้มผู้ที่เมาแล้วขับในเทศกาลปีใหม่ยังคงจริงจังเหมือนเดิม ซึ่งทุกหน่วยงานได้ประสานความร่วมมือทำงานอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายตำรวจ อัยการ ศาล รวมทั้งภาคีเครือข่ายทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน แต่ขณะเดียวกันมาตรการเสริมใหม่ ๆ ที่จะก่อให้เกิดความปลอดภัยบนท้องถนนก็มีความจำเป็นต้องทำซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับคาดหวังว่าอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลปีใหม่จะลดน้อยลง ถ้าผู้ขับขี่ทุกคนมีน้ำใจให้แก่กันและกัน นายแพทย์แท้จริงกล่าว
สถิติอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่
ปีใหม่ 2550 ตาย 449 คน บาดเจ็บ 4,943 คน
ปีใหม่ 2551 ตาย 401 คน บาดเจ็บ 4,903 คน
ปีใหม่ 2552 ตาย 367 คน บาดเจ็บ 4,107 คน
สาเหตุหลัก 3 อันดับแรก เมาแล้วขับ ขับรถเร็วเกินกำหนด ตัดหน้ากระชั้นชิด
ประเภทรถที่เกิดอุบัติเหตุ รถจักรยานยนต์ 84.19% รถปิกอัพ 6.57% รถเก๋ง 3.55%
เวลาที่เกิดอุบัติเหตุตอนกลางคืน 67.42% กลางวัน 32.58%
ช่วงที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุดคือเวลา 16.00 – 04.00 น. 61.61%
ถนนที่เกิดอุบัติเหตุ ทางหลวงแผ่นดิน 33.81% นอกเขตทางหลวงแผ่นดิน 66.19%
อายุผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ต่ำกว่า 20 ปี 30.29% 20-49 ปี 54.81%
10 จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุดเทศกาลปีใหม่ 2552
1. เชียงราย 21 ราย 6. ร้อยเอ็ด 11 ราย
2. นครราชสีมา 13 ราย 7. พิษณุโลก 11 ราย
3. นครสวรรค์ 13 ราย 8. สุราษฎร์ธานี 11 ราย
4. เชียงใหม่ 12 ราย 9. พระนครศรีอยุธยา 10 ราย
5. กรุงเทพฯ 11 ราย 10. พิจิตร 10 ราย
4. นราธิวาส 37 ราย 9. มุกดาหาร 58 ราย
รวมตลอดทั้งปี 11,276 ราย บาดเจ็บ 71,368 ราย
ปี 2552 ม.ค. - ต.ค. ตาย 9,119 ราย บาดเจ็บ 53,761 ราย
ลอยกระทงอธิษฐาน
ธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เป็นประธานพิธีปล่อยขบวนลอยกระทงอธิษฐาน น้อมใจถวายพระพร เชิญชวนประชาชนร่วมอธิษฐานลอยกระทง ถวายพระพรให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงหายจากพระอาการประชวร โดยมีนายแพทย์