ประชุมแกนนำ
จันทิมา ธนาสว่างกุล ที่ปรึกษากฎหมาย สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นประธานเปิดการประชุมแกนนำเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับทั่วประเทศ ซึ่งจัดโดยมูลนิธิเมาไม่ขับ โดยมี
ภราดร ศรีชาพันธุ์ คริสโตเฟอร์ เบญจกุล ร่วมเป็นเกียรติด้วย ณ โรงแรมริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน
เหยื่อเมาแล้วขับจี้ศธ.
จัดระเบียบน.ศ.เมาแล้วขับ
นายภัทรพันธ์ กฤษณา ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับเปิดเผย ถึงกรณีที่ นศ. มหาวิทยาลัยชื่อดังเมาแล้วขับฝ่าด่านชนเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่
เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553 ที่ผ่านมาว่า
เครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ส.ต.ต.ดำเนินสิน ไกรชมสม เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเสาธง ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่และขอเรียกร้องไปยังกระทรวงศึกษาธิการให้ดำเนินนโยบายอย่างเข้มงวดกับนักศึกษาที่เมาแล้วขับซึ่งถือเป็นความผิดถึงขั้นให้พ้นจากสภาพการเป็นนักศึกษาได้
ประธานเครือข่ายเหยื่อเมแล้วขับ เปิดเผยต่อไปว่า
ปี พ.ศ. 2552 มี นศ.เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรกว่า 3,000 คน นับเป็นความสูญเสียของประเทศชาติอย่างมหาศาล ขณะที่การเอาจริงเอาจังกับนโยบายเมาแล้วขับไม่ได้รับการขานรับจากผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงศึกษาธิการเท่าที่ควร ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ยังเติบโตได้เป็นอย่างดี ควบคู่ไปกับความหายนะของอนาคตลูกหลานไทย
จากการเฝ้าติดตามสถานการณ์ของเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับพบว่า แนวโน้มการเสียชีวิตของนักเรียน นักศึกษา มีสถิติเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้มีส่วนสัมพันธ์ที่สำคัญมาจาก 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1. รถจักรยานยนต์ 2. ความเมา 3. ความเร็ว 4. ไม่สวมหมวกกันน็อค
อย่างไรก็ตามเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับขอเรียกร้องไปยัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้หันมาให้ความสำคัญกับการจัดระเบียบ นศ.เมาแล้วขับอย่างเอาจริงเอาจังและเด็ดขาดเสียที โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านขายเหล้าใกล้กับสถาบันศึกษาจะต้องไม่มีการออกใบอนุญาตให้อีกต่อไป ประธานเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกล่าว
ข่าวประชาสัมพันธ์ “ข่าวเหยื่อเมาแล้วขับจี้ศธ.จัดระเบียบนศ.เมาแล้วขับ” คลิ๊กได้ที่ www.ddd.or.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 081-4439953
หมอแท้จริงหนุนอาชีพใหม่
รับจ้างขับรถส่งคนเมากลับบ้าน
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยถึงอาชีพรับจ้างขับรถพาคนเมาหลบด่านตำรวจที่กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มนักท่องราตรีว่า
ในทางกฎหมายคงทำอะไรคนกลุ่มนี้ไม่ได้ แต่ในฐานะที่ทำงานรณรงค์ลดอุบัติเหตุจากการเมาแล้วขับมากว่า 20 ปี อยากจะเตือนผู้ที่อาศัยช่องว่างทางกฎหมายเพื่อหลบเลี่ยงการถูกจับกุมในคดีเมาแล้วขับ ท่านอาจจะโชคดีที่สามารถรอดพ้นเงื้อมือตำรวจได้ แต่ท่านอาจจะไม่รอดพ้นเงื้อมือมัจจุราช เพราะจากประสบการณ์ที่มูลนิธิเมาไม่ขับได้ทำงานมาจะพบว่ามีผู้ขับขี่ตกเป็นเหยื่อเมาแล้วขับ เสียชีวิต บาดเจ็บ พิการในปีหนึ่ง ๆ เป็นจำนวนมาก
เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ เปิดเผยต่อไปว่า
การดื่มสุราเป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อดื่มแล้วต้องไม่ออกมาขับรถเพราะผิดกฎหมาย อีกทั้งยังมีอันตรายทั้งกับตนเองและผู้อื่น ถ้ารู้ตัวว่าต้องไปฉลองไม่ว่าในวาระใด ๆ ต้องไม่ขับรถไปเด็ดขาด แต่ถ้าในกรณีที่เมามากจนไม่สามารถขับรถได้ การที่จะใช้บริการผู้รับจ้างขับรถก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ควรว่าจ้างให้ขับรถไปส่งถึงบ้านเลยดีกว่าส่งแค่เลยด่านตำรวจแล้วเสี่ยงขับรถกลับบ้านไป ซึ่งโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุมีสูงมาก
อย่างไรก็ตาม การช่วยเหลือผู้ขับขี่ที่เมาสุราไม่สามารถขับขี่ยานพาหนะได้ ทางมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ร่วมกับมูลนิธิปอเต็กตึ๊งดำเนินโครงการส่งคนเมากลับบ้าน โดยในกรณีที่ผู้ขับขี่เมาจนไม่สามารถขับขี่ได้ ให้โทรแจ้งไปที่ 02-2664444 มูลนิธิปอเต็กตึ๊ง ทางมูลนิธิปอเต็กตึ๊งจะส่งอาสาสมัครมาช่วยขับรถพาท่านกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย ทั้งนี้โดยเปิดให้บริการในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยผู้ใช้บริการไม่ต้องเสียค่าบริการแต่อย่างใด เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบกสูง โดยในปี 2552
มีผู้เสียชีวิต 204 ราย บาดเจ็บสาหัส 178 ราย การเมาแล้วขับเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดอุบัติเหตุการจราจร
โครงการ“พระนครศรีอยุธยาจังหวัดเมาไม่ขับ”เป็นอีกโครงการหนึ่งที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา ผิวผ่อง ร่วมกับมูลนิธิเมาไม่ขับและภาคีเครือข่ายรณรงค์ลดอุบัติเหตุเมาไม่ขับ ,ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกันรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจรจากการเมาแล้วขับ กวดขันจับกุมผู้ขับขี่เมาสุราที่ฝ่าฝืนกฎจราจร อีกทั้งกระตุ้นจิตสำนึกผู้ขับขี่ให้มีความรับผิดชอบในชีวิตตัวเองและผู้อื่น ทั้งนี้เพื่อให้พื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็น “จังหวัดเมาไม่ขับ” อย่างแท้จริง
สำหรับลักษณะโครงการจะแบ่งเป็น 2 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมเชิญชวนประชาชนในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกันรณรงค์ลดอุบัติเหตุจราจรเมาไม่ขับอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะลดอุบัติเหตุจราจรจากการเมาแล้วขับในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาให้เป็นศูนย์หรือน้อยที่สุด 2.การตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการกวดขันจับกุมผู้ขับขี่เมาสุรา รวมถึงควบคุมสถานบันเทิงอย่างเข้มงวด นอกจากนั้นแล้ว จะมีการจัดทำฐานข้อมูลผู้กระทำผิดในคดีเมาแล้วขับเพื่อเชื่อมโยงกับอัยการและศาลในกรณีที่มีการกระทำผิดซ้ำในคดีเมาแล้วขับเพื่อประกอบเป็นข้อมูลในการพิจารณาคดีในชั้นศาล
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า
โครงการ“พระนครศรีอยุธยาจังหวัดเมาไม่ขับ”ถือเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน โดยผลักดันพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเป็นจังหวัดเมาไม่ขับ กวดขันจับกุมผู้ขับขี่เมาสุราที่จงใจฝ่าฝืนกฎหมาย ถ้าผู้ขับขี่มีความรับผิดชอบต่อชีวิตตัวเองและผู้อื่นจะทำให้ลดอุบัติเหตุจราจรจากการเมาแล้วขับได้อย่างแน่นอน.
“ตนเชื่อว่าถ้าประชาชนในพื้นที่จังหวัดอยุธยาให้ความร่วมมือกับโครงการดังกล่าวจะช่วยลดจำนวนผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตให้ลดน้อยลงได้.
นายแพทย์แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า
โครงการ “พระนครศรีอยุธยา จังหวัดเมาไม่ขับ” เป็นความร่วมมือของประชาชนทุกภาคส่วนที่จะทำให้ถนนทุกสายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาปลอดคนเมาแล้วขับ อีกทั้งต้องการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนในพื้นที่ได้ตระหนักถึงอุบัติเหตุที่เกิดจากการเมาแล้วขับนำมาถึงความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีถนนสายหลัก สายรองเป็นเส้นทางผ่านไปจังหวัดต่างๆถึง 46 จังหวัด จึงทำให้เกิดอุบัติเหตุจราจรในจังหวัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถิติการเกิดอุบัติเหตุจราจร สาเหตุสำคัญมาจาก “การเมาแล้วขับ” จากข้อมูลปี 2552 มีผู้เสียชีวิต 204 ราย ผู้บาดเจ็บ 178 ราย โครงการ “พระนครศรีอยุธยาจังหวัดเมาไม่ขับ” จะเกิดเป็นรูปธรรมได้ ถ้าเจ้าหน้าที่ตำรวจกวดขันเอาจริงเอาจังกับผู้เมาแล้วขับ จะสามารถลดอุบัติเหตุจราจรให้น้อยลงได้.
ข่าวประชาสัมพันธ์ “ข่าวพระนครศรีอยุธยาจังหวัดเมาไม่ขับ” คลิ๊กได้ที่ www.ddd.or.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม 081-831-7747